วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ว่าด้วยเรื่องจ้าวนาย

คนที่เป็นผู้คุม หลายคน ที่อยู่เรือนจำ ทัณฑสถาน หรืออยู่กรม มานาน ทำงานผ่านหลายนายหลาย ผอ ผบ และจะเห็นสไตล์ การทำงานด้านการบริหารของแต่ละคน ซึ่งบอกตามตรงเลยหลังจากที่ได้ทำงานด้วย บางจ้าวนาย เรามักจะมีความคิดว่า มัง สอบมาเป็น ผอ ผบ ได้ไงฟะ วิสัยทัศน์ โคตะระ สั้น วิชั่น ก็ด้วน เหมือนหางเป็ด มนุษย์สัมพันธ์ กับลูกน้องเป็นแบบตัวใครตัวมัน ผลประโยชน์เอาหมด แต่ความผิดไม่เอา เสี่ยงตรูไม่เอา ให้ลูกน้องเสี่ยงแทน วัฒนธรรมเดิมๆ ของผู้คุมเท่าที่นิยามได้ นายมาก่อน ใครโตต้องยอมรับ อยู่ใกล้นายได้ดีที่สุด ผบ ผอ บางคน ตอนทำงานอยู่กรม มีผลงานน่าชื่นชมเป็นที่ยอมรับมาก บางคนได้รางวัลนั่น นี่ มากมาย แต่พอออกมาเป็น ผบ ผอ เรือนจำ ทัณฑสถาน ขอโทษ ทำงานแบบ สุนัขไม่รับประทาน คนเก่งก็มีเยอะนะครับ นี่ว่าเป็นบางคน และบางคนของกรมราชทัณฑ์ ดัน เป็นส่วนใหญ่ ซะด้วย ต้องยอมรับกันครับว่า ระบบการเติบโตของ ผบ ผอ ที่ผ่านมาเป็นระบบเส้นสาย อาศัยลูกดัน อาศัยลูกพี่ และมันนี่ คิดเป็นเปอร์เซนต์ เกิน 50 เปอร์เซนต์ เป็นที่เห็นกันอยู่ อีกประมาณ 15 เปอร์เซนต์ กาข้อสอบแม่น อีกประมาณ 25 เปอร์เซนต์ เก่งจริง นี่เป็นโพลจากความคิดเห็นส่วนตัวโดยประสบการณ์ตรง ที่มีโอกาสได้ทำงานกับ ผอ ผบ หลายท่าน พวกที่เก่งจริง ต้องเก็บวิชานะครับ บางท่าน พูดไม่เก่ง แต่ แนวคิดวิธีทำงานด้านวิชาการ ขั้นเทพ แต่ดันเป็นเทพองค์เดียว คือรู้คนเดียว ถ่ายทอดให้ลูกน้องไม่ได้ หาคนครบเครื่องยากส์สสส บางคน ไม่เก่งเลยทั้งวิชาการ นโยบาย แต่ได้ลูกน้องเก่ง ก็รอดตัวไป ที่เขียนบทความนี้ คือ ผมรู้สึกว่า ในช่วงรอยต่อ ของการบริหารบังคับบัญชา ตามระบบแท่งใหม่ และ แบบซีเดิม มันเริ่มเห็นข้อแตกต่างอะไรบางอย่าง การปรับเปลี่ยน ระบบตัวชี้วัดก็ดี การใช้ระบบการประเมินตัวบุคคลแบบรายตัวชี้วัด ก็ดี มันทำให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของ ผอ ผบ แบบสุดๆ เลยครับ ไม่เชื่อท่านลองสังเกต ผบ ผอ ที่อยู่ใกล้ตัวท่าน ถ้าสิ่งที่ท่านสังเกตเห็น ผบ ผอ ท่านใด ที่พยายามเรียนรู้ และปรับตัวตามระบบ ผมถือว่า ยังใช้ได้อยู่ แต่ เท่าที่เห็นนะครับ ผมเป็นผู้คุม ที่อยู่ในกลุ่มเรือนจำ ที่มีหลายเรือนจำในจังหวัดเดียว จะเห็น ผบ ผอ หลากหลาย ที่ยังน่าเป็นห่วงคือ ผอ ผบ บางคน ไม่เรียนรู้ และไม่เข้าใจ ระบบ โยนให้ลูกน้องทำอย่างเดียว เมื่อมีปัญหาขึ้นมา มันไม่มีคนกลางเป็นคนตัดสิน ซึ่งควรจะเป็น ผอ ผบ เหล่้านั้น แต่ด้วยความไม่รู้ มันก็เลยเกิดปัญหาว่า คนทำงานไปแล้ว ต้องมานั่งตอบคำถาม และอธิบายให้เพื่อนร่วมงานฟัง ฟังแล้วมันสรุปไม่ได้ เอากันแบบเห็นๆ เลยคือเรื่อง การทำประเมินตัวชี้วัดระบบเงินเดือนใหม่ รายบุคคล ซึ่ง การทำงานระบบนี้ จะต้องแบ่งแนวคิดออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่ง คือการวัดตัวชี้วัดระดับหน่วยงาน คือการวัด ผบ ผอ หัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งเป็นภาพรวมของหน่วยงานทั้งหมด และส่วนที่สองคือการวัด ระดับบุคคล เพื่อประเมินในการเลื่อนเงินเดือน ในแต่ละรอบประเมิน ในด้านหน่วยงานและหัวหน้าส่วนราชการ จะถูกตั้งตัวชี้วัดหลัก ประมาณ 7-8 ตัว ตาม ขนาด เรือนจำ ทส และมีตัวชี้วัดย่อย อีกประมาณ เกือบ 45-50 ตัว ซึ่งเป็นตัวชี้วัด ระดับสำนักกองต่างๆ ในกรมฯ ซึ่งเอามายำรวมกัน แต่สรุปมันก็คือตัวชี้วัด กลุ่มเดียวกัน แต่แยกผู้ประเมินตามลักษณะงาน และสำนักที่รับผิดชอบ การดำเนินงาน ก็เพียงแต่เอาตัวชี้วัดที่เข้ากับลักษณะงานที่เป็นตัวชี้วัดจากส่วนกลางมาตั้งเสียก่อน แล้วจึงคิดตัวชี้วัดเพิ่มเติม กรณีที่ไม่มีตัวชี้วัด พื้นฐาน นี่คือลักษณะการดำเนินงานรูปแบบใหม่ แต่ แม่เจ้า ผบ ผอ บางคน ไม่กระดิก เลยครับ ไม่สนใจ ไม่ศึกษา ผมเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ผมเจอคำถามจาก ผอ ท่านหนึ่ง ว่า การให้เปอร์เซ็นต์ ลูกน้องในส่วนผม ผมให้ไปเลยได้มั๊ย แล้ว ไปแปลงเอกสารเอา อึ้งครับ ถึงกับอึ้งครับ ยังมีอีกนะครับ อีกท่านหนึ่ง บอกว่า ลูกน้องผมคนนี้ ผมขอขั้นพิเศษ ได้มั๊ย โอ้ว ท่านไม่รู้เลยหรือครับ ว่า ระบบใหม่ เป็นเปอร์เซนต์(คิดในใจ) ที่เขาออกแบบมาก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ตามปรัชญา คือ เขาต้องการให้เกิดความเป็นธรรมกับคนทำงานที่ จ้าวนาย ไม่ชอบขี้หน้า แต่ทำงานดี และคนที่ทำงานจริงๆ และเขาต้องการให้ นายที่นิสัยเสียทั้งหลายที่ชอบเอาขั้นมาอ้างเพื่อกดขี่ และแยกความเหลื่อมล้ำ กันในการทำงานออกจากระบบ ก็ทำใจครับ บางท่านยังหลงยุคอยู่ ผบ บางท่าน บอกเลย เป็น อ.สูง ถึงกับพูดในที่ประชุมประจำเดือนเลยว่า ระบบนี้ ไม่เป็นธรรม เดี๋ยวเขาก็เลิก มันใช้ไม่ได้หรอก นี่ขนาด หัวหน้าส่วนราชการพูดให้ลูกน้องฟังอย่างนี้ มันหดหู่ครับ ระเบียบ กพ. มันเป็นกฏหมาย ซึ่งเขาให้ใช้ และออกกฏ ต่างๆ มาเพื่อประกอบการใช้ให้มันราบรื่น คือ มันต้องใช้ แทนที่จะศึกษาและทำความเข้าใจกับลูกน้อง ให้เกิดความตื่นตัว กลับบอกหน้าตาเฉยเลยว่า มันไม่ได้ผล เดี๋ยวเขาก็เลิก นี่เขาเรียกว่า กบในกะลาหรือเปล่า ข้าราชการพลเรือนทุกกระทรวงทบวงกรม ใช้หมด ลงตัวหมด ทั้งระบบความก้าวหน้า ทั้งรูปแบบการบริหาร แต่ของกรมราชทัณฑ์ ยัง งง ๆ อยู่ งงแบบใหน ให้ย้อนไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ นี่คือการสะท้อนให้เห็นแนวคิดการทำงานของจ้าวนาย ของกรมราชทัณฑ์ ในมุมมองของผม เดี๋ยวมีต่อตอนสอง เอาไว้แค่นี้ก่อนครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. แวะมาติดตามกันคับ บทความน่าอ่าน ชวนติดตาม ยังงี้และครับ ไม่ว่าระบบอะไรที่ต่างประเทศเขาใช้ ประเทศเราเอามาใช้ มันก็เป็นแบบเราๆแหละครับ
    ..ผมสิทธิชัย ผู้คุมปทุมฯคับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณ คุณสิทธิชัย มากครับ เรามีอะไรที่พอมาแชร์กันได้ ก็เอามานะครับ ทั้งเรื่องงาน และเรื่องรอบตัว ผมอาสาเป็นตัวกลางเผยแพร่ให้ ผู้คุมโคราช

    ตอบลบ