วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อาวุโสราชทัณฑ์ กับวาระซ่อนเร้น และความอำมหิตของนักวิชาการ

คนราชทัณฑ์ กับ งานราชทัณฑ์
จั่วหัวมาอย่างนี้ต้องเกี่ยวกับตำแหน่ง อาวุโส แน่ๆ คนที่ติดตามต้องคิดแบบนี้ ขอบอกว่าเกี่ยวข้องแบบ โดนๆ แบบ เจ็บปวด  ถ้าใครติดตามอ่านแล้วจะเข้าใจถึงการสื่อความหมายของกระผม อันดับแรกต้องดีใจกับผู้ที่ได้เลื่อนเป็นอาวุโส ทุกท่าน ซึ่งตามคำสั่งนี้ก็ต้องย้ายไป ปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตามสังกัดของตำแหน่ง เห็นในบัญชีแต่ละท่าน เหลืออายุงานรวมกันเบ็ดเสร็จ ไม่เกิน 6 ปี ตรงนี้แหละที่ผมเรียกว่าวาระซ่อนเร้น ได้เคยปูพื้นไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องของสายงานทั่วไป ที่ถูกเพื่อนร่วมอาชีพที่เรียกตัวเองว่านักวิชาการเอารัดเอาเปรียบ ทั้งในเรื่องความก้าวหน้า ในเรื่องของค่ากลางการเลื่อนเงินเดือน และการบังคับบัญชา มันเป็นความเจ็บปวดที่พูดไม่ได้ ว่าไม่ดัง ต้องบ่นกันเอง ในกลุ่มวิชาชีพสายงานเดียวกัน รายละเอียด ไปไล่ดูกระทู้ก่อนๆ ค่อยๆ ทำความเข้าใจ บอกก่อนนะครับที่ผมตั้งบล้อกขึ้นมาและกล้าที่จะวิจารย์อะไรก็ตาม บทความทั้งหมด ไม่ใช่มโน หรือจินตนาการนะครับ เป็นการศึกษากฏหมาย กฏ ระเบียบ หนังสือเวียน ที่เกี่ยวข้องมาอย่างดี สามารถอ้างอิงได้ เอาหละครับ มาเข้าเรื่องกัน ทำไมถึงบอกว่าอาวุโสราชทัณฑ์มีวาระซ่อนเร้น จากการที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ในเรื่องความก้าวหน้าของสายงานทั่วไป ว่าเราจะไปกันได้ถึงใหน ก็มีกระแสหนึ่งขึ้นมา คือมันมีความพยายามของ สายวิชาการในกรม ที่พยายามสร้างกระแสแนวคิดในการที่จะยกเอาตำแหน่งอาวุโสไปเปรียบกับตำรวจ เรื่องการได้ยศร้อยตรีที่อายุ 53 ปี เพราะคำว่าอาวุโส คือต้องใกล้เกษียณ ของกรมเราน่าจะได้อาวุโส ตอน อายุ 55-57 ปี เขาพยายามเล่นกระแสนี้ และที่่เลื่อนกันไปที่ผ่านมาก็อายุประมาณนี้แหละครับ... ขอโทษ ให้ตำแหน่งอาวุโส ตอน อายุ ที่ว่า ..เอามาทำเกลืออะไรครับ.. แค่คุณเอาแนวคิดของ หน่วยงานที่ไม่ใช่ ข้าราชการพลเรือนมาคิดมันก็ผิดแต่ต้นแล้วครับ นักวิชาการบางคนเคยบอกว่า พวกที่ต่อสู้แบบผม และคนอื่นๆ ในสายงานทั่วไป เป็นพวกบ้า ยศ บ้าดาว บ้าอำนาจ ยึดติด ผมบอกเลย พวกคุณนั่นแหละที่เป็นดังว่า...ข้าราชการพลเรือนเรา เขามีแนวคิดที่ว่า เอาคนที่มีความรู้ความสามารถมาทำงาน วางคนให้ตรงกับงาน โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งไม่ใช่เหรอครับ..แต่พวกคุณกอดไม่ปล่อย ที่เป็นอย่างนี้เพราะพวกคุณได้ประโยชน์เต็มๆ ทั้งเรื่องความก้าวหน้า ฐานค่ากลาง การคำนวณเงินเดือน และการบังคับบัญชา...เดี๋ยวเอารูปมาให้ดูรูปเก่าๆ สมัยเข้าแท่งของ ก.พ.และทุกวันนี้ยังใช้เกณฑ์นี้อยู่ แล้วจะอธิบายต่อ...(ถ้าจะให้ดี save รูป แล้วปริ้นมาถือไว้ในมือประกอบการอ่านจะชัดแจ้ง แจ่มใส)
  ท่านเห็นอะไร ครับ... ท่านเห็นกำหนดปีของการเลื่อนไหลแต่ละสายงานหรือเปล่าครับ...สายทั่วไป จาก ปฎิบัติงาน ไปชำนาญงาน ใช้เวลา  4-5-6 ปี ในการครองและเลื่อนตามวุฒิ เพื่อขึ้นไป ชำณาญงาน และจากชำนาญงาน ต้องครองไม่น้อยกว่า  6 ปี ถึงมีสิทธิ ที่จะได้อาวุโส จากอาวุโส ขึ้นทักษะพิเศษ(ซึ่งกรมเราไม่มี) แต่ใช้ตำแหน่ง อ.ต้น ในสายอำนวยการในการเทียบ ดังที่เราเห็นมาแล้วว่า ตำแหน่ง อาวุโส สามารถ ขึ้นผู้บัญชาการเรือนจำ ที่เป็น อ.ต้นได้ เอ้า..เรามาดู สายวิชาการกัน เริ่ม จากปฎิบัติการ จะขึ้น ชำนาญการ ใช้เวลา 2-4-6 ปี ตามวุฒิการศึกษา แต่สายนี้ทุกคน ปีที่ 4-5-7 จะเป็นชำนาญการกันหมด และเมื่อครองชำนาญการ ครบ 4 ปี มีสิทธิที่จะได้ ชำนาญการพิเศษ ซึ่ง ก็เทียบ อ.ต้น ในสายงานอำนวยการเช่นกัน ...เห็นอะไรหรือยังครับ...โดยเฉพาะท่านที่ได้อาวุโส บางคนเหลืออายุงาน 5-6 ปี แอบนั่งดีใจ อาจได้เป็น ผบ/ผอ ก่อนเกษียณ ... ขอโทษครับ หากท่านดูในตาราง ท่านจะเห็นว่า การทีอาวุโสจะเลื่อนขึ้นอีกระดับได้ ต้องครองตำแหน่ง อย่างน้อย 6 ปี นะครับ เพราะฉะนั้นใครฝันอยากเป็น ผบ/ผอ หมดสิทธิ....เขาสร้างค่านิยมให้ครองแค่เกษียณครับ...เห็นยังครับนี่หละวาระซ่อนเร้น..ทำไมเขาไม่เอาอาวุโสจากชำณาญงานที่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมา... เพราะเขากลัวว่าพวกอาวุโสที่อายุงานเหลือเยอะๆจะมาแย่งตำแหน่งทางการบริหารในตำแหน่ง อ.ต้น (ผบ/ผอ) ...ซึ่งปัจจุบันขณะนี้..มันเป็นทางสะดวกของเขาที่เขาตั้งไว้ตั้งแต่เข้าแท่ง.... ทางลัดจะหาย... ทำไมถึงบอกทางลัดจะหาย เพราะว่า หากเขาปล่อยเรามีตำแหน่งอาวุโสมากๆ..สัดส่วนในการพิจารณามันก็มากตาม...สายวิชาการจะขึ้น ผบ/ผอ ระดับ อ.ต้น ได้ ต้อง ผ่าน ชำนาญการพิเศษ ก่อนนะครับ ... คือเขาต้องไปแข่งขันกันในตำแหน่งชำนาญการพิเศษก่อน...ในขณะที่สายเรา ถ้าได้อาวุโส ครองไม่น้อยกว่า 6 ปี ก็สามารถแต่งตั้งได้เลย ถ้าคุณสมบัติครบ ก็เห็นตัวอย่างแล้วนี่ครับจากคำสั่งแต่งตั้ง ผบ.งวดที่แล้ว... ดังนั้น หากมีอาวุโสเยอะๆ และคนที่ครองมีอายุงานเหลือเยอะ โอกาสที่เขาจะได้ตำแหน่งทางบริหารระดับ อ.ต้น...จะลดลงตามสัดส่วน...เขารับไม่ได้ครับ ที่จะเปิดให้มีอาวุโส ตามเรือนจำ/ทัณฑสถาน....เพราะน้องๆ ที่กรมฯ ที่อยากดันมันขึ้นมาโตมันจะยาก..แต่คนเรือนจำสามารถ เป็น ผอ/ผบ.ได้ ซึ่งถ้าเขาเปิดตำแหน่งอาวุโสให้ มันก็แฟร์ดี..แต่นี่เขาไม่แฟร์ เขาจะเอาแต่สายเขาขึ้น...และกดอีกสายลงแบบโงหัวไม่ขึ้น แย่ทั้งคุณภาพชีวิต และกดดันทั้งการทำงาน...สายหนึ่งเป็นสายงานภารกิจหลักเกี่ยวกับผู้ต้องขังโดยตรงต้องเฝ้าคุก ใกล้ชิดผู้ต้องขัง เข้าเวรผลัด เฝ้าป่วย เป็นคณะกรรมการ หัวหน้างานย่อย จิปาถะ..แต่ก็เป็นได้แค่นี้ยันเกษียณ...แต่อีกสายหนึ่งซึ่งกำหนดตำแหน่งว่าต้องทำงานวิชาการ วิเคราะห์แผนงานนโยบาย ให้คำปรึกษา ไม่เกี่ยวกับผู้ต้องขัง เข้ามาหัดงาน จากสายงานแรก ทำตัวว่านอนสอนง่ายแบบเสมอตัว ไม่ยอมคลุกคลีกับผู้ต้องขัง บางคนไม่เข้าเวรด้วยซ้ำ เวลาเรือนจำมีการจู่โจม ก็จะเลี่ยง พยายามเอาตัวเองไปแฝงงานหนังสือ รอขึ้นชำนาญการ แล้ว มาปกครองสายงานแรก...เอานักเรียนมาเป็นหัวหน้าของครูคนสอน เพราะบ่ามันบังคับ...อำมหิตมั้ยครับ...ขอบคุณคนที่อ่านจนจบนะครับ ผมไม่ได้ว่าสายงานวิชาการไม่ดี หรือไม่มีคุณภาพ ...แต่ผมกำลังพยายามเรียกร้องความ เท่าเทียมกัน ความสมดุลในการทำงาน คุณภาพชีวิต และความก้าวหน้าของผู้คุมเรา ในสายงานทั่วไป... ซึ่งต้องมีการเปรียบเทียบและต้องบอกดังๆ ให้คนในกรม ที่เขาผลักดันเรื่องนี้ได้รับรู้...พบกันกระทู้หน้านะครับ...

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับกรมราชทัณฑ์ ตาม Road Map ของ อรท.

คนราชทัณฑ์ กับ งานราชทัณฑ์
ครับก็ห่างหายไป กับงานที่เราต้อง ขยับให้ทันตามนโยบาย กรมว่าอะไรก็ว่าตามกัน ให้เข้าแถว เคารพ ธงชาติ ตรวจเล็บ ตรวจ ชุดนักเรียน (เอ้ย.. เครื่องแบบ..55) เราก็ทำกันอย่างขยันขันแข็ง แข่งกัน ตอนนี้ ก็รอดูเรื่อง พรบ.ใหม่ กฏกระทรวงใหม่  การแต่งกายใหม่...ว่าจะออกมายังไงดีมั้ย  รอกันไปครับ ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ก็มาดู มาศึกษา Road Map ของอธิบดีเรา ซึ่งก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ และขยับไปหลายเรื่องแล้ว เมื่อคราวประชุม ผบ. วันที่ 7-8-9 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ลองโหลด หรือปริ๊นซ์ ไปศึกษาดูนะครับ เพราะเมื่อมันเริ่มต้นแล้ว และต้องดำเนินการต่อไป เราจำเป็นต้องปรับตัว เพื่อให้สมกับการเป็นผู้คุมมืออาชีพ...
ไอ้ที่มีดาวห้อยท้ายคือ สิ่งที่ขับเคลื่อนไปแล้วนะครับ ที่เหลือก็ค่อยๆ ศึกษา การปฏิรูปราชทัณฑ์ ครั้งนี้ เป็นวิชาการมากๆ มีขั้นมีตอน และสามารถ ตรวจสอบประมวลผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ในแง่นี้ หากเราศึกษาดีๆ เราจะยกระดับ ความคิด ไปสู่การขับเคลื่อนได้เป็นอย่างดี  ขอย้ำครับ ต้องเรียนรู้ไว้เพื่อการปรับตัว ความเปลี่ยนแปลง แรกๆ ย่อมมีความกดดัน และเสียงโห่ฮา ตามมา แต่ถ้าทำความเข้าใจและปรับรูปแบบความคิดได้ เราจะอยู่สบาย ผมชอบนะสไตล์นี้ แต่ไม่ชอบวัฒนธรรมเดิมของผู้คุม คืออวดเบ่ง แบ่งกลุ่ม ยศฐา บรรดาศักดิ์ กับเพื่อนร่วมอาชีพ ใครที่ติดตามเฟสบุ้คกรมราชทัณฑ์ จะเห็นอะไรดีๆ เยอะเลย ที่เกิดกับผู้คุมเราที่ไปแสดงความคิดเห็นวิจารย์กรมฯ ซึ่งมันก็ติเพื่อก่อทั้งนั้นผมยังต่อสู้เรื่องอาวุโสอยู่ เคยประกาศไปแล่้วตัวเองไม่ได้อะไร ก็ขอให้ผู้คุมสายทั่วไปเรา รุ่นน้อง ลูก หลาน ได้มีความก้าวหน้า ได้มีที่ยืน ที่สมกับพวกเขาทำงานหนักจากกรมราชทัณฑ์บ้าง รักทุกคน จุ้บๆ...กระทู้นี้แค่นี้ครับ บายย..อันนี้เป็น PowerPoint..RoadMap โหลดเลย