คนราชทัณฑ์ กับ งานราชทัณฑ์
จั่วหัวมาอย่างนี้ต้องเกี่ยวกับตำแหน่ง อาวุโส แน่ๆ คนที่ติดตามต้องคิดแบบนี้ ขอบอกว่าเกี่ยวข้องแบบ โดนๆ แบบ เจ็บปวด ถ้าใครติดตามอ่านแล้วจะเข้าใจถึงการสื่อความหมายของกระผม อันดับแรกต้องดีใจกับผู้ที่ได้เลื่อนเป็นอาวุโส ทุกท่าน ซึ่งตามคำสั่งนี้ก็ต้องย้ายไป ปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตามสังกัดของตำแหน่ง เห็นในบัญชีแต่ละท่าน เหลืออายุงานรวมกันเบ็ดเสร็จ ไม่เกิน 6 ปี ตรงนี้แหละที่ผมเรียกว่าวาระซ่อนเร้น ได้เคยปูพื้นไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องของสายงานทั่วไป ที่ถูกเพื่อนร่วมอาชีพที่เรียกตัวเองว่านักวิชาการเอารัดเอาเปรียบ ทั้งในเรื่องความก้าวหน้า ในเรื่องของค่ากลางการเลื่อนเงินเดือน และการบังคับบัญชา มันเป็นความเจ็บปวดที่พูดไม่ได้ ว่าไม่ดัง ต้องบ่นกันเอง ในกลุ่มวิชาชีพสายงานเดียวกัน รายละเอียด ไปไล่ดูกระทู้ก่อนๆ ค่อยๆ ทำความเข้าใจ บอกก่อนนะครับที่ผมตั้งบล้อกขึ้นมาและกล้าที่จะวิจารย์อะไรก็ตาม บทความทั้งหมด ไม่ใช่มโน หรือจินตนาการนะครับ เป็นการศึกษากฏหมาย กฏ ระเบียบ หนังสือเวียน ที่เกี่ยวข้องมาอย่างดี สามารถอ้างอิงได้ เอาหละครับ มาเข้าเรื่องกัน ทำไมถึงบอกว่าอาวุโสราชทัณฑ์มีวาระซ่อนเร้น จากการที่ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ในเรื่องความก้าวหน้าของสายงานทั่วไป ว่าเราจะไปกันได้ถึงใหน ก็มีกระแสหนึ่งขึ้นมา คือมันมีความพยายามของ สายวิชาการในกรม ที่พยายามสร้างกระแสแนวคิดในการที่จะยกเอาตำแหน่งอาวุโสไปเปรียบกับตำรวจ เรื่องการได้ยศร้อยตรีที่อายุ 53 ปี เพราะคำว่าอาวุโส คือต้องใกล้เกษียณ ของกรมเราน่าจะได้อาวุโส ตอน อายุ 55-57 ปี เขาพยายามเล่นกระแสนี้ และที่่เลื่อนกันไปที่ผ่านมาก็อายุประมาณนี้แหละครับ... ขอโทษ ให้ตำแหน่งอาวุโส ตอน อายุ ที่ว่า ..เอามาทำเกลืออะไรครับ.. แค่คุณเอาแนวคิดของ หน่วยงานที่ไม่ใช่ ข้าราชการพลเรือนมาคิดมันก็ผิดแต่ต้นแล้วครับ นักวิชาการบางคนเคยบอกว่า พวกที่ต่อสู้แบบผม และคนอื่นๆ ในสายงานทั่วไป เป็นพวกบ้า ยศ บ้าดาว บ้าอำนาจ ยึดติด ผมบอกเลย พวกคุณนั่นแหละที่เป็นดังว่า...ข้าราชการพลเรือนเรา เขามีแนวคิดที่ว่า เอาคนที่มีความรู้ความสามารถมาทำงาน วางคนให้ตรงกับงาน โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งไม่ใช่เหรอครับ..แต่พวกคุณกอดไม่ปล่อย ที่เป็นอย่างนี้เพราะพวกคุณได้ประโยชน์เต็มๆ ทั้งเรื่องความก้าวหน้า ฐานค่ากลาง การคำนวณเงินเดือน และการบังคับบัญชา...เดี๋ยวเอารูปมาให้ดูรูปเก่าๆ สมัยเข้าแท่งของ ก.พ.และทุกวันนี้ยังใช้เกณฑ์นี้อยู่ แล้วจะอธิบายต่อ...(ถ้าจะให้ดี save รูป แล้วปริ้นมาถือไว้ในมือประกอบการอ่านจะชัดแจ้ง แจ่มใส)
ท่านเห็นอะไร ครับ... ท่านเห็นกำหนดปีของการเลื่อนไหลแต่ละสายงานหรือเปล่าครับ...สายทั่วไป จาก ปฎิบัติงาน ไปชำนาญงาน ใช้เวลา 4-5-6 ปี ในการครองและเลื่อนตามวุฒิ เพื่อขึ้นไป ชำณาญงาน และจากชำนาญงาน ต้องครองไม่น้อยกว่า 6 ปี ถึงมีสิทธิ ที่จะได้อาวุโส จากอาวุโส ขึ้นทักษะพิเศษ(ซึ่งกรมเราไม่มี) แต่ใช้ตำแหน่ง อ.ต้น ในสายอำนวยการในการเทียบ ดังที่เราเห็นมาแล้วว่า ตำแหน่ง อาวุโส สามารถ ขึ้นผู้บัญชาการเรือนจำ ที่เป็น อ.ต้นได้ เอ้า..เรามาดู สายวิชาการกัน เริ่ม จากปฎิบัติการ จะขึ้น ชำนาญการ ใช้เวลา 2-4-6 ปี ตามวุฒิการศึกษา แต่สายนี้ทุกคน ปีที่ 4-5-7 จะเป็นชำนาญการกันหมด และเมื่อครองชำนาญการ ครบ 4 ปี มีสิทธิที่จะได้ ชำนาญการพิเศษ ซึ่ง ก็เทียบ อ.ต้น ในสายงานอำนวยการเช่นกัน ...เห็นอะไรหรือยังครับ...โดยเฉพาะท่านที่ได้อาวุโส บางคนเหลืออายุงาน 5-6 ปี แอบนั่งดีใจ อาจได้เป็น ผบ/ผอ ก่อนเกษียณ ... ขอโทษครับ หากท่านดูในตาราง ท่านจะเห็นว่า การทีอาวุโสจะเลื่อนขึ้นอีกระดับได้ ต้องครองตำแหน่ง อย่างน้อย 6 ปี นะครับ เพราะฉะนั้นใครฝันอยากเป็น ผบ/ผอ หมดสิทธิ....เขาสร้างค่านิยมให้ครองแค่เกษียณครับ...เห็นยังครับนี่หละวาระซ่อนเร้น..ทำไมเขาไม่เอาอาวุโสจากชำณาญงานที่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมา... เพราะเขากลัวว่าพวกอาวุโสที่อายุงานเหลือเยอะๆจะมาแย่งตำแหน่งทางการบริหารในตำแหน่ง อ.ต้น (ผบ/ผอ) ...ซึ่งปัจจุบันขณะนี้..มันเป็นทางสะดวกของเขาที่เขาตั้งไว้ตั้งแต่เข้าแท่ง.... ทางลัดจะหาย... ทำไมถึงบอกทางลัดจะหาย เพราะว่า หากเขาปล่อยเรามีตำแหน่งอาวุโสมากๆ..สัดส่วนในการพิจารณามันก็มากตาม...สายวิชาการจะขึ้น ผบ/ผอ ระดับ อ.ต้น ได้ ต้อง ผ่าน ชำนาญการพิเศษ ก่อนนะครับ ... คือเขาต้องไปแข่งขันกันในตำแหน่งชำนาญการพิเศษก่อน...ในขณะที่สายเรา ถ้าได้อาวุโส ครองไม่น้อยกว่า 6 ปี ก็สามารถแต่งตั้งได้เลย ถ้าคุณสมบัติครบ ก็เห็นตัวอย่างแล้วนี่ครับจากคำสั่งแต่งตั้ง ผบ.งวดที่แล้ว... ดังนั้น หากมีอาวุโสเยอะๆ และคนที่ครองมีอายุงานเหลือเยอะ โอกาสที่เขาจะได้ตำแหน่งทางบริหารระดับ อ.ต้น...จะลดลงตามสัดส่วน...เขารับไม่ได้ครับ ที่จะเปิดให้มีอาวุโส ตามเรือนจำ/ทัณฑสถาน....เพราะน้องๆ ที่กรมฯ ที่อยากดันมันขึ้นมาโตมันจะยาก..แต่คนเรือนจำสามารถ เป็น ผอ/ผบ.ได้ ซึ่งถ้าเขาเปิดตำแหน่งอาวุโสให้ มันก็แฟร์ดี..แต่นี่เขาไม่แฟร์ เขาจะเอาแต่สายเขาขึ้น...และกดอีกสายลงแบบโงหัวไม่ขึ้น แย่ทั้งคุณภาพชีวิต และกดดันทั้งการทำงาน...สายหนึ่งเป็นสายงานภารกิจหลักเกี่ยวกับผู้ต้องขังโดยตรงต้องเฝ้าคุก ใกล้ชิดผู้ต้องขัง เข้าเวรผลัด เฝ้าป่วย เป็นคณะกรรมการ หัวหน้างานย่อย จิปาถะ..แต่ก็เป็นได้แค่นี้ยันเกษียณ...แต่อีกสายหนึ่งซึ่งกำหนดตำแหน่งว่าต้องทำงานวิชาการ วิเคราะห์แผนงานนโยบาย ให้คำปรึกษา ไม่เกี่ยวกับผู้ต้องขัง เข้ามาหัดงาน จากสายงานแรก ทำตัวว่านอนสอนง่ายแบบเสมอตัว ไม่ยอมคลุกคลีกับผู้ต้องขัง บางคนไม่เข้าเวรด้วยซ้ำ เวลาเรือนจำมีการจู่โจม ก็จะเลี่ยง พยายามเอาตัวเองไปแฝงงานหนังสือ รอขึ้นชำนาญการ แล้ว มาปกครองสายงานแรก...เอานักเรียนมาเป็นหัวหน้าของครูคนสอน เพราะบ่ามันบังคับ...อำมหิตมั้ยครับ...ขอบคุณคนที่อ่านจนจบนะครับ ผมไม่ได้ว่าสายงานวิชาการไม่ดี หรือไม่มีคุณภาพ ...แต่ผมกำลังพยายามเรียกร้องความ เท่าเทียมกัน ความสมดุลในการทำงาน คุณภาพชีวิต และความก้าวหน้าของผู้คุมเรา ในสายงานทั่วไป... ซึ่งต้องมีการเปรียบเทียบและต้องบอกดังๆ ให้คนในกรม ที่เขาผลักดันเรื่องนี้ได้รับรู้...พบกันกระทู้หน้านะครับ...